ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) เปิดเผยว่า สกศ.ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาและได้สรุปความเห็นเบื้องต้นเสนอนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว โดยผลการรับฟังความเห็นในภาพรวม พบว่า ที่วิจารณ์กันมากมี 24 มาตรา โดยเห็นด้วย 12 มาตราแต่ขอเพิ่มเติม และไม่เห็นด้วย 12 มาตรา โดยในจำนวนนี้เป็นประเด็นไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อเรียก”ผู้อำนวยการสถานศึกษา” เป็น”ครูใหญ่” และการเปลี่ยน”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” เป็น”ใบรับรองความเป็นครู” และ อำนาจที่ซ้ำซ้อนกันของเขตพื้นที่การศึกษากับส่วนภูมิภาค รวมถึงมาตรา 40 ที่ระบุว่า คุรุสภาจะเป็นผู้ดูแลครูและสวัสดิการครู จึงมีผู้กังวลว่าจะเป็นการยุบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)ไปรวมกับคุรุสภาหรือไม่ โดยไม่อยากให้รวมกัน ดร.สุภัทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้มีผู้ไม่เห็นด้วยการตั้งสำนักงานนโยบายการศึกษาแห่งชาติทำให้ซ้ำซ้อนกับ สกศ. ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะเป็นการปรับสถานะ สกศ.เป็น สำนักงานนโยบายการศึกษาแห่งชาติ รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะการให้ กอปศ.เข้ามาเป็นกรรมการนโยบายฯเพียงบางคนเท่านั้น และยังมีผู้แสดงความเห็นกรณีที่กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เร่งจัดทำโครงสร้างใหม่ให้เป็นเอกภาพ ซึ่งกลัวจะเป็นการรวบอำนาจมาที่ส่วนกลาง “ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่จังหวัดอุดรธานี สกศ.จะจัดเวทีให้แสดงความคิดเห็นและชี้แจงร่าง พ.ร.บ.การศึกษาชาติอีกครั้ง และ จะสรุปผลให้รมว.ศธ.ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นก็จะสรุปผลการรับฟังความเห็นทั้ง 2 ครั้ง ต่อที่ประชุมสภาการศึกษาในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ และสรุปความคิดเสนอเห็นแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป” ดร.สุภัทร กล่าวและว่า สกศ.ยังได้รับฟังความเห็นร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติผ่านเว็บไซต์ด้วย ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 10 วัน คือ เดือนสิงหาคมและกันยายน พบว่า มีผู้แสดงความคิดเห็น จำนวน 2,900 ความเห็น ซึ่งถือว่าน้อย ดังนั้น สกศ.จะเปิดรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์อีกครั้งก่อนสรุปผล”ดร.สุภัทร กล่าว.......เดลินิวส์