สพฐ.ปรับรูปแบบจัดการเรียนการสอน นำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน เน้นสร้างเด็กรุ่นใหม่รับฟัง สัมผัส เห็น แล้ววิเคราะห์ แก้ไขปัญหาเป็น พร้อมเสริมการคิดวิเคราะห์นอกตำรา เริ่มใช้ช่วงลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้
ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นาน(สพฐ.) มอบนโยบายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) และ สถานศึกษาในสังกัด นำศาสตร์พระราชาที่เกี่ยวกับการศึกษาไปสู่การปฏิบัติเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้ สพท.และโรงเรียน ไปพิจารณาว่า จะนำศาสตร์พระราชาที่เกี่ยวกับการศึกษาไปปฏิบัติอย่างไร เช่น เรื่องการพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคดิจิทัล ด้วยการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน โดยเฉพาะการอ่านหนังสือยาว ๆ ให้มีความรู้ที่ลึกซึ้ง เพราะการอ่านหนังสือจะทำให้เด็กมีความรู้มากขึ้น และสามารถฝึกเรื่องการคิดวิเคราะห์จากการอ่านได้อีกด้วย
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า อีกสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะนึกไม่ถึงแต่เป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงปฏิบัติให้เราได้เห็น คือ เรื่องการรับฟัง สัมผัส เห็น แล้ววิเคราะห์ เพื่อนำไปไปสู่การปฏิบัติหรือแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นหัวใจของการจัดการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ(Active learning -แอคทีฟเลิร์นนิ่ง) เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ให้เด็กได้เรียนโดยการลงมือทำ ได้คิด ได้สร้างสรรค์ในกระบวนการคิดของตัวเอง เป็นศาสตร์พระราชาที่เราต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์นอกตำรา โดยอาจเริ่มปรับวิธีการทำกิจกรรมในช่วง ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ มาเป็นแอคทีฟเลิร์นนิ่งก่อนก็ได้
“ทุกวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะพูดในรายการ ‘ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน’ ซึ่งทุกสัปดาห์นายกรัฐมนตรีจะมีประเด็นที่เกี่ยวกับการศึกษา โดยชี้ให้เห็นว่าศาสตร์พระราชาที่เกี่ยวกับการศึกษา สามารถนำสู่การปฏิบัติได้ และในทางปฏิบัติศาสตร์พระราชามีมากมาย ที่โรงเรียนสามารถเลือกไปปฏิบัติได้ ขณะที่หลายเรื่องก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ซึ่งหากเราได้ตามดูโครงการต่าง ๆ จะเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นต้นแบบการสอนแบบแอคทีฟเลิร์นนิ่ง แต่ปัญหาของเราคือส่วนใหญ่จะยังติดเรื่องห้องเรียนกันอยู่”ดร.บุญรักษ์กล่าว...
...เดลินิวส์