“ทีดีอาร์ไอ”แนะรัฐใช้มาตรการบังคับดึงเด็กเรียนอาชีวะเพิ่ม เผยถึงเวลาต้องจำกัดจำนวนเด็กสายสามัญศึกษา หากโรงเรียนใดรับเกิน 30 คนต่อห้อง ไม่จ่ายเงินอุดหนุน

ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการต้องการจ้างผู้จบสายอาชีพมาทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แต่ผู้ปกครองกลับยังต้องการให้บุตรหลานได้เรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ  ดังนั้นหากปล่อยให้เป็นไปตามสภาพแบบนี้ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับอาชีวศึกษาจะถึงขั้นวิกฤติ จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการเชิงบังคับในการดึงเด็กมาเรียนสายอาชีพมากขึ้น โดยในอีก 5-10 ปีข้างหน้าต้องเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายสามัญต่อสายอาชีพเป็น 50:50 และต้องจัดตั้งผู้เข้ามารับผิดชอบหาวิธีการคัดกรองนักเรียน ม.3 ว่าสมควรเรียนต่อสายสามัญหรือสายอาชีพ อีกทั้งต้องใช้มาตรการด้านงบประมาณมาใช้ให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ให้เงินอุดหนุนรายหัวผู้เรียนสายอาชีพมากกว่าสายสามัญ 30-50%

ผู้อำนวยการวิจัยฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ต้องจำกัดจำนวนนักเรียนสายสามัญต่อชั้นเรียน โดยมีข้อตกลงว่าต้องมีนักเรียนไม่เกิน 30 คนต่อห้อง หากมีจำนวนนักเรียนเกินกว่าที่กำหนดจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนรายหัว และในภาพรวมของประเทศต้องร่วมกันกำหนดเป้าหมายว่า แต่ละปีจะลดผู้เรียนสายสามัญปีละเท่าใดด้วย เพื่อให้ถึงเป้าหมาย 50:50 โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันต้องเน้นการเรียนสายอาชีพฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อให้มีตัวป้อน หรือจำนวนผู้จบ ม.3 ที่จะเข้าเรียนสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น โดยอาจจะใช้มาตรการอุดหนุน หรือการกู้ยืมเงินเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนผู้เรียนสายวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้เรียนสายอาชีพฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ควรได้รับการอุดหนุนรายหัวสูงกว่าการเรียนสายอื่น ๆ ถ้าทำได้จริงจะเป็นแนวทางในการสนับสนุนให้มีผู้จบสายอาชีพ โดยเฉพาะสายอาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เพียงพอ และมีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี.















...เดลินิวส์