ชาวบ้านชุมชนปากน้ำกระแส เห็นความสำคัญสมุนไพรไทย จึงรวมตัวกันนำ “ต้นขลู่” มาแปรรูปเป็น “ชาใบขลู่” ด้วยวิธีรรมชาติ มีสรรพคุณ ได้แก่ ขับปัสสาวะ ลดเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือด

          “สมุนไพรไทย” มีหลายชนิด ที่คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักเท่ากับคนรุ่นก่อน ทำให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นค่อยๆ ลางเลือนหายไปจากสังคมไทย ขณะที่ “ปราชญ์ชาวบ้าน” ก็พยายามถ่ายทอดภูมิปัญญาที่มีมานับร้อยปีให้กับคนรุ่นหลังได้สืบทอดกันมา

          อย่างเช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชน โฮมสเตย์ (สมุนไพรชาใบขลู่) หมู่ 7 ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ที่รวมตัวกันระหว่าง “คนรุ่นใหม่” กับ “ปราชญ์ชาวบ้าน” ประกอบกับหน่วยงานราชการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในเก็บการรักษาผลิตภัณฑ์ “ชาใบขลู่” ที่มีสรรพคุณหลากหลาย รสชาติดี และประหยัดพลังงานอีกด้วย

          นางกาญจนา บูรณชาติ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์ (ชาใบขลู่) บอกทางเล่าให้ทางทีมฟังว่า “ต้นขลู่” เป็นวัชพืชทั่วไป ที่เกิดขึ้นตามลุ่มน้ำเค็มต่างๆ คนโบราณเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยาหลากหลายประการ ทั้งดื่มบรรเทาเบาหวาน ลดไขมันในเส้นเลือด เป็นต้น แต่ภูมิปัญญาชาวบ้านนี้กำลังจะเลือนหายไป

          ชาวบ้านชุมชนปากน้ำกระแส เห็นความสำคัญในสมุนไพรไทย จึงรวมตัวกันนำ “ต้นขลู่” มาแปรรูปเป็น “ชาใบขลู่” ด้วยวิธีการผลิตแบบธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของใบชาคั่วตากแห้งต้มเอาน้ำดื่ม และใบชาผงบรรจุซองแบบชาฝรั่งชงกับน้ำร้อน มีสรรพคุณมากมาย เช่น ขับปัสสาวะ ลดเบาหวาน ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กษัย บำรุงร่างกาย ฯล

          แต่ว่าต้นทุนการผลิตค่อนข้างจะสูงและมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะขั้นตอนการตากใบขลู่แห้ง ต้องพิถีพิถันใช้พลังงานจำนวนมาก โดยเฉพาะการคั่วใบขลู่ ที่ต้องใช้ความร้อนจากแก๊สแอลพีจี ทำให้มีค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง

          แต่การจากที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลิตน้ำสมุนไพรชาใบขลู่ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปเมื่อปี 2557 ได้รับรางวัลแผนประกวดธุรกิจชาใบขลู่ดีเด่น รางวัลแผนนวัตกรรมดีเด่น และรางวัลแผนวิสาหกิจชุมชนดีเด่น ของจังหวัดระยอง จึงได้รับการสนับสนุน “โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์” พร้อมชุดครอบเตาแก๊สประหยัดพลังงาน จากกระทรวงพลังงาน ทำให้สามารถลดการใช้แก๊สหุงต้มเดือนละ 6 กิโลกรัม

          เนื่องจากโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 3 X 4 เมตร ใช้ในการตาก “ชาใบขลู่” สามารถลดเวลาการตากจากเดิม 1 วัน เหลือ 6 ชั่วโมง ความชื้นลดลงมาก ส่งผลให้กระบวนการอบด้วยเตาอบลมร้อนไฟฟ้าใช้เวลาน้อยลง เป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเดือนละ 300 บาท สำหรับรายได้จากการขายน้ำสมุนไพรชาใบขลู่ โดยจะนำรายได้ 10% ไปช่วยงานด้านสาธารณประโยชน์ สวัสดิการกลุ่มฯ 10% เก็บไว้เป็นทุน 50% ที่เหลืออีก 30% แบ่งให้แก่สมาชิกกลุ่มฯ ตกประมาณเดือนละ 10,000 บาทขึ้นไป

          ขณะที่ นายวรพจน์ ทันดร พลังงาน จ.ระยอง อธิบายว่า กระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนให้กลุ่มอาชีพในชุมชน เพื่อลดต้นทุนพลังงาน ในกระบวนการผลิตของชุมชน ที่มีการใช้พลังงานสิ้นเปลือง เช่น ไฟฟ้า ฟืน ถ่าน หรือแก๊สหุงต้ม โดยส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน เพื่อต่อยอดสู่การเพิ่มมูลค่าการผลิต เพิ่มคุณภาพ และส่งเสริมด้านการตลาด

          โดยให้การสนับสนุน “โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์” พร้อมชุดครอบเตาแก๊สประหยัดพลังงาน แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์ (สมุนไพรชาใบขลู่) ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นสินค้ามีชื่อของท้องถิ่นจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโฮมสเตย์ เป็นรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคิดเป็น 33% ต่อปี หรือประมาณ 5,400 บาทต่อปี

          อย่างไรก็ตามการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับชุมชนเป็นนโยบายของกระทรวงพลังงานผ่านสำนักงานพลังงานจังหวัด เป็นผู้ขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นดำเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพของชุมชน เพื่อตอบสนองต่อแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงาน เกิดการขยายผล สร้างจิตสำนึกให้กลุ่ม ชุมชนในการช่วยประหยัดพลังงาน หันมาใช้พลังงานธรรมชาติ

          นอกจากนี้ยังช่วย “สร้างพลังงานชุมชน สร้างครัวเรือนต้นแบบ ชุมชนต้นแบบ” ให้เกิดขึ้นอย่างมากมายอีกด้วย


















...เดลินิวส์